“อนาคตกล้องฟิล์มในอีกไม่กี่ปีนี้ จะเป็นยังไง?”

ภาพ Alfred Bina

เมื่อวานนี้  เป็นข่าวสะเทือนวงการคนรักฟิล์มอีกเป็นระลอก นั่นคือการประกาศยกเลิกการผลิตฟิล์ม FP-100 ฟิล์มประเภทโพลารอยด์ที่ฉีกออก (แปลเป็นไทยแล้วยากจุง.. คือถ่ายเสร็จแล้วดึงแผ่นที่ปิดเอาไว้ออก สักพักภาพมันจะปรากฏขึ้นมาน่ะนะ) ของทาง Fujifilm ซึ่งถือว่าเป็นฟิล์มประเภทนี้แบบโปรฯตัวสุดท้ายของโลกแล้ว.. จากนี้ไปก็เตรียมตุนเอาไว้เลยสำหรับคนที่ใช้อยู่เป็นประจำ (สมัยก่อนมักใช้กับพวกกล้อง Medium Format เวลาที่ช่างภาพเค้าจะถ่ายเทสดูว่าจัดแสงโอเคมั๊ย ก่อนจะถ่ายด้วยฟิล์ม Medium Format จริงๆ อะไรแบบนี้) จนมีการออกมาเรียกร้องกัน บางคนถึงกับสร้าง #Fujinotfilm เป็นการตอบโต้ทาง Fujifilm กันอย่างดุเดือด

เราก็เลยมานั่งทบทวนว่า “อนาคตฟิล์มในอีกไม่กี่ปีนี้ จะเป็นยังไงวะ?” ซึ่งเราเคยเขียนเอาไว้เรื่องนึงคือเรื่อง “ฟิล์มยังไม่ตาย ยังอยู่ได้เพราะดิจิทัล” แต่วันนี้จะมาชวนให้คิดอีกมุมนึง สำหรับเรา.. เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ Fujifilm ประกาศยกเลิกการผลิตฟิล์มอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีมานี้ ไอ้ตัวเด็ดๆอย่าง Provia 400X หรือ Neopan Acros 400 อะไรแบบนี้ จนเหลือฟิล์มหลักๆอยู่ไม่กี่ตัว ตัวอย่างเช่น Fujicolor Superia ทั้งหลายแหล่ หรือถ้าฟิล์มสไลด์ก็เหลือ Provia 100F และ Velvia 50 ส่วนขาวดำก็เหลือแค่ตัวเดียวเลยคือ Neopan Acros 100 เท่านั้น

เกิดอะไรขึ้นกับ Fujifilm? เราเคยคุยกับเพื่อนว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Fujifilm จะยกเลิกการผลิตฟิล์มในหลายๆตัว เพราะการปรับตัวของธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญมาก การจะนั่งผลิตฟิล์มหลากหลายประเภทเหมือนเดิมเป็นเรื่องยากเกินไป เพราะปริมาณการใช้ในบางตัวน้อยเอามากๆจนไม่คุ้มจะเปิดเครื่องจักรผลิตที่มีต้นทุนสูง ถึงเราจะเสียดายกันมากก็เถอะ เราเองก็เชื่อว่าคนผลิตก็คงใจหายไม่ต่างกัน (นั่นเค้าเป็นคนคิดค้นนะเฟ้ยยย!!! ลำบากใจแน่ๆ) การรักษาธุรกิจให้คงอยู่ต่อไปได้ ก็เลยจำเป็นต้องตัดอะไรที่ทำให้มันเดินได้ลำบากออกไป การ Minimize ขนาดธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ายังอยากจะมีฟิล์มใช้กันต่อไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น… การขึ้นราคาฟิล์มก็เป็นเรื่องปวดกะบาลมากของลูกค้า (รวมถึงคนขายฟิล์มอย่างเราที่แม่งก็ต้องสต็อคของแพงขึ้นๆ..ลูกค้าก็บ่นขึ้นๆ..) Fujifilm ประกาศขึ้นราคาซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายครั้งมาก ล่าสุดนี่คือ 25% ซึ่งจะมีผลในช่วงปีนี้แหล่ะ หรือ Kodak เองก็เถอะ.. ถ้าใครจำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว (2015) พี่แกล่อขึ้นทีในบางตัวนี่ 40% ได้เลย.. เหตุผลก็คาดเดาไม่ยาก ทั้งกำลังผลิตที่น้อยลง ต้นทุนก็ต้องสูงขึ้นสิ เป็น Logic ทั่วไป และอีกปัจจัยก็คือ “แร่เกลือเงิน” ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตฟิล์ม ราคาก็สูงขึ้นด้วย สังเกตได้ว่ายิ่งฟิล์มตัวท็อปๆน่ะ จะยิ่งแพงขึ้นเยอะ เพราะใช้เยอะ

แล้วพวกเรา จะทำยังไงกันดี? เราเชื่อว่าวงการฟิล์มกำลังมีการปรับตัว คนที่ใช้งานก็เช่นกัน ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกวันนี้ คนที่เล่นกล้องฟิล์มคงไม่ได้ใช้งานจริงจังเป็นหลักเหมือนสมัยก่อน ถ้าใช้งานจริงจังก็ไปดิจิทัลโน่น! สะดวกกว่าร้อยเท่าเลย ส่วนคนที่รักในฟิล์มทั้งหลาย เราเล่นกันเพราะความรักต่อทุกอย่าง เราไม่ใช่แค่อยากได้ภาพสีแบบฟิล์มนะ (ซึ่งถ้าอยากได้แค่นั้น มี Plugin เป็นร้อยๆที่แปลงภาพดิจิทัลให้เหมือนเด๊ะ! อย่าง VSCO นั่นไง.. ) แต่เรารักทั้งการได้จับกล้องฟิล์ม การกดชัตเตอร์ถ่าย การรอเอาไปล้างฟิล์ม หรือจะล้างฟิล์มเองก็เถอะ การรอสแกนหรืออัดภาพก็แล้วแต่ โทนภาพที่มันมีเสน่ห์ ทั้งหมดคืองานศิลปะ ไม่ใช่เรื่องจะชื่นชอบคลั่งไคล้ในเทคโนโลยีไฮเทคอีกต่อไป

IMG_0078

เพราะฉะนั้น มันจะไม่ใช่แฟชั่นอีกแล้ว.. คนที่ยังเล่นมันอยู่คือคนที่รักมันจริงๆ ใครที่เล่นมันตามแฟชั่นไม่นานก็คงจะเลิกไป เป็นการสกรีนคนที่ไม่ใช่ออก เพราะคนที่ตามๆกันมาจะเบื่อ จะไม่ทนรอล้างฟิล์มหรอก จะรู้สึกเปลืองเงินจนทนไม่ได้ ฯลฯ เคยเจอบางคนเหมือนกัน พอมาเล่นแล้วก็บ่นว่า เกรนมันเยอะจังบ้าง.. (ฟิล์มนะเฮ้ย! ไม่มีเกรนเค้าเรียกดิจิทัลจ้าา) ถ่ายยังไงก็ไม่สวยบ้าง.. ยุ่งยากเกินไปบ้าง.. อันนี้เราจะเห็นอนาคตเลยว่า เหลืออยู่ก็แค่คนที่คิดว่า มันเป็นการสร้างงานศิลปะจากตัวเราจริงๆ เราได้ทำกิจกรรมที่มีความสุขมากกว่าแค่การถ่ายรูปแล้วแชร์ไปบนโซเชี่ยลต่างๆ (กูไม่รีบ กูมีเวลา แต่ที่ไม่มีคือตัง..)

อะไรที่เราคิดว่า วงการนี้จะคงอยู่ต่อไปเพื่อคนที่ยังรักมัน? กลับมาเรื่อง Fujifilm นิดนึง.. แม้ว่าจะดูทุกอย่างเล็กลงๆ แต่มีหลายๆความหวังที่ดูน่าสนใจ ปลายปีที่แล้ว (2015) ช่วงเทศกาลคริสมาสต์จนถึงปีใหม่ (2016) ที่ผ่านมา ทาง Amazon.com แสดงสถิติให้ดูว่า ในหมวดสินค้าประเภทกล้องทั้งหมด หมายรวมถึงกล้องดิจิทัลด้วยน่ะ สินค้าที่ขายดีที่สุดของเค้าคือ…. ฟิล์ม Fujifilm Instax Mini!! มันกำลังจะบอกอะไรเรา? ฟิล์มประเภท Instax Mini เริ่มมีวางขายครั้งแรกช่วงปลายปี 1998 เรายังเก็บกล้อง Instax ที่เราใช้ตัวแรกๆในสมัยนั้นได้อยู่เลย ถึงปัจจุบันนี้แล้ว ก็มีอายุรวม 18 ปี! และมันก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆด้วย โดยเฉพาะจากสถิติที่ทาง Fujifilm แจ้งจากการนับย้อนไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

IMG_0541

ซึ่งตอนนี้ Instax ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Instax Mini หรือ Instax Wide (อันนี้น่าสนใจ เพราะด้วยฟิล์มที่มีขนาดใหญ่ อาจจะสามารถเอาไปทดแทนฟิล์มโพลารอยด์ในอดีตก็เป็นได้ในอนาคตไม่นานนี้หรอก อย่างล่าสุดกล้อง Lomo เองก็หันมาใช้ฟิล์ม Instax Wide ด้วยเหมือนกัน)  ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะช่วยให้ธุรกิจฟิล์มมันคงอยู่ต่อไปได้ หรืออย่างในกรณีของ Kodak เองก็เถอะ การที่สามารถทำสัญญากับค่ายหนังยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในการผลิตฟิล์มเพื่อถ่ายหนังให้อยู่ จนล่าสุดมีแนวโน้มว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ทำกำไรจากธุรกิจฟิล์มได้ (อ่านย้อนหลังเรื่อง “CEO ของ Kodak ขอบคุณ Star Wars ทำธุรกิจฟิล์มกำไรอีกครั้ง”) ก็ดูเป็นความหวังของพวกเรา

เราหวังอยากให้ทุกคนที่รักฟิล์มช่วยกันมองว่า ถึงฟิล์มหลายๆตัวจะจากไปแล้ว.. ถึงฟิล์มจะยังคงราคาขึ้นต่อเนื่อง… ก็อยากให้เข้าใจไปถึงบริษัทที่ผลิตด้วย ใจเขาใจเรานะ ถ้าเรายังอยากให้ฟิล์มมันยังมีใช้กันต่อไป คงไม่มีใครอยากจะฟันกำไรจากธุรกิจฟิล์มหรอก (ใครขายฟิล์มก็จะรู้ว่ากำไรแม่งต่ำเตี้ยมาก ขายให้ตายก็ไม่รวยหรอก)  เอาจริงๆแล้วถ้า Kodak และ Fujifilm จะเลิกขายฟิล์มไปเลย หันไปโฟกัสธุรกิจหลักของตัวเองในปัจจุบันก็ทำได้  อย่าง Kodak ก็หันไปมีธุรกิจหลักในด้านภาพที่เป็นระดับ Enterprise หมดแล้ว (ฟิล์มนี่ถูกแยกบริษัทออกมาเป็นบริษัทเล็กๆเท่านั้นเอง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเหมือนสมัยก่อนที่โดนฟ้องล้มละลายนั่นแหล่ะ)  ส่วน Fujifilm ก็อย่างที่เห็นๆว่ากล้องดิจิทัลเขาขายดีขนาดไหน ยังไม่นับธุรกิจด้านการแพทย์อื่นๆอีก

แต่สิ่งที่บริษัทเหล่านี้ยังคงทำอยู่ ก็เพราะมันคือสิ่งที่พวกเค้าเคยสร้างมันขึ้นมานั่นแหล่ะ ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน อย่าง Kodak ทางผู้บริหารก็เคยพูดไว้ว่าการเก็บธุรกิจฟิล์มเอาไว้ มันเป็นการรักษาหัวใจดั้งเดิมของบริษัทให้คงอยู่ไว้เท่านั้น ในเชิงการทำกำไรมันเป็นเรื่องรองลงมาจริงๆ

ในช่วงปีนี้ ปีหน้า และปีถัดๆไป นอกจากผู้เล่นระดับ Kodak และ Fujifilm แล้ว ยังมีบริษัทหน้าใหม่ที่กระโดดเข้ามาทีหลังด้วยใจรัก บ้าบิ่น พร้อมตายมากๆ อย่างเช่น Cinestill เองที่เตรียมจะออกฟิล์มหนังขนาด Medium Format อย่าง Cinestill Tungsten 800T และ Daylight 50D ในปีนี้แน่ๆแล้ว หลังเป็นโรคเลื่อนมาเป็นปีๆ หรืออย่าง ADOX , Rollei ก็ยังคงอยู่สบายดี หรือที่น่าตื่นเต้น Ferrania บริษัทฟิล์มยักษ์ใหญ่เก่าแก่นับร้อยปี ระดับเดียวกับ Kodak แต่ตายไปแล้วเมื่อเป็นสิบปีก่อน ก็กำลังจะฟื้นคืนชีพในไม่ช้าแล้ว (ย้อนอ่าน “กว่า 100 ปี แห่งยุคฟิล์มอนาลอค : บทสัมภาษณ์ FILM FERRANIA ประกาศแผนกลับสู่สังเวียน”)

จะเห็นว่าทุกคนที่ยังคงอยู่ในตลาดนี้ มันอยู่เพราะใจรักจริงๆ เหมือนคนบ้าน่ะ พวกเราคนใช้กล้องฟิล์มก็เช่นกัน.. คนที่ยังยืนหยัดถ่ายกล้องฟิล์มกัน ก็เพราะเรารักในทุกอย่างของมันนั่นแหล่ะ และเราก็เชื่อว่ามันจะยังคงอยู่ได้อีกหลายปี เราเองก็ไม่รีบไปใช้กล้องดิจิทัลนะ… หมดฟิล์มเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน 😛

IMG_0038

บทความ โดย SUN

ผู้สนับสนุนหลัก  Husband and Wife Shop

จำหน่ายอุปกรณ์ถ่ายภาพฟิล์มกล้องอุปกรณ์ล้างฟิล์มสแกนฟิล์มและบริการต่างๆ

Leave a Reply